สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ สมัครสมาชิกมาเพื่อขอคำปรึกษา+ระบายเลย
เรื่องอาจจะยาวหน่อยนะ เพราะเราระบายความในใจลงไปเยอะมาก แต่อยากจะขอคำปรึกษาด้วยน่ะค่ะ
จขกท.เพิ่งอายุ 17 นะคะ มีพี่สาวคนนึงอายุห่างกัน 5 ปี ปัจจุบันพี่สาวเรียนอยู่ปี4 เรียนทางสายวิทยาศาสตร์สุขภาพแถมยังหน้าตาสวยอีกด้วย เรื่องของเรื่องคือ พี่สาวเรากลับมาคบกับแฟนคนแรกที่เคยคบกันสมัยอยู่ป.6ถึงม.3 ขอแทนว่า ส. นะคะ (เราทนเรียกคนนี้ว่าพี่ไม่ได้จริงๆ) ตั้งแต่พี่สาวเรากลับมาคุยๆกับส. พี่ก็เริ่มกลับดึกบ่อยขึ้น ขอนอนค้างหอเพื่อนบ่อยขึ้นซึ่งเขาอ้างว่า อยู่ติวหนังสือหรือมีเรียน 8โมง(บ้านอยู่ไกลกับมหาลัยมากๆ) แม่ก็เข้าใจก็ไม่ได้ว่าอะไร
แต่สิ่งนึงที่เราว่ามันแปลกไปก็คือ...ถ้าวันไหนพี่กลับบ้าน พอดึกๆตอนแม่นอนแล้ว พี่จะมาบอกเราว่า "พี่ไม่กลับนะ" แล้วเดินออกจากบ้านปิดประตูใส่กลอนอย่างเดิม เรารู้ดีว่าพี่ไปไหน ไปกับใคร แต่เราไม่กล้าบอกแม่ ความรู้สึกสมัยเด็กกลับมาอีกครั้ง...
.
.
.
.
.
.
.
ตอนพี่อยู่ป.6 ส.มันพาพี่เราไปเล่นน้ำสงกรานต์แล้วหายตัวไปวันนึง เราไม่ค่อยรู้รายละเอียดเรื่องนี้เพราะตอนนั้นเด็กมากไม่มีใครยอมบอก แต่สิ่งหนึ่งที่รู้คือ ทางบ้านเราเกลียด ส.เข้าไส้ตั้งแต่นั้นมา หลังจากนั้นแม่ก็ให้พี่ไปอยู่กับน้าที่ตจว.เพื่อให้ห่างจากส. แต่ผ่านไปปีนึงน้าก็ต้องย้ายที่ทำงานไปจังหวัดอื่นทำให้ไม่สะดวกถ้าจะให้พี่ไปอยู่ด้วย พี่ก็เลยต้องกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม
ตอนนั้นเราอายุ 9 ขวบแล้วต้องไปเรียนพิเศษกับพี่ตอนปิดเทอม แม่ก็ไว้ใจให้ไปกันเอง แต่บ่อยครั้งที่พี่พามาที่บ้านส. พี่ก็อยู่ชั้นบนกับส.ทั้งวัน ให้เรานั่งดูทีวีกับน้องชายของส.ที่อายุไล่ๆกับเรา ที่จำได้คือเราเจอหน้าส.แทบทุกวัน บางวันส.ก็มารอที่เรียนพิเศษ บางวันพี่ก็ไปหาส.ถึงบ้าน บางวันก็ไปเดินห้างหรือดูหนังทั้งๆที่ที่เรียนพิเศษอยู่ใกล้กับห้างแค่500 เมตร ช่วงนั้นเราอึดอัดใจมากที่บอกอะไรแม่ไม่ได้เลย เด็กป.3ต้องหัดโกหกแม่ทุกๆวันแล้วเหรอ?
พอเปิดเทอม พี่เราก็มีวีรกรรมเยอะแยะ เช่น โดดเรียนไปบ้านส. อยู่ๆก็หายออกจากบ้านไป2-3ชม. พาเราออกไปซื้อของที่ตลาดแต่จริงๆไปบ้านส.
เรารู้เห็นทุกอย่างแต่ไม่กล้าบอกแม่ เรากลัวว่าถ้าแม่รู้แม่จะหัวใจสลาย เราเคยเห็นแม่ร้องไห้แล้วกราบพี่ ขอโทษถ้าเลี้ยงไม่ดีแล้วทำให้ไม่พอใจ เราไม่อยากเห็นภาพอะไรแบบนั้นอีก ก็ได้แต่ยอมโกหกต่อไป
วันนึง...เราเพิ่งกลับมาจากรร. แม่โทรเข้าบ้านขอสายพี่.....เราตกใจ ได้แต่ตอบแม่ไปว่าพี่อยู่ในห้องน้ำ แล้วที่โทรหาแล้วปิดเครื่องคงเพราะแมวกระโดดขึ้นไปบนลิ้นชักทำโทรศัพท์ตกจนแบตหลุด(เหตุการณ์นี้เกิดบ่อย เราเลยเอามาอ้าง) ทั้งที่จริงๆแล้ว..พี่ไม่ได้กลับรถรร.กับเรา ไม่ได้ไปรร.ด้วยซ้ำ
แต่บังเอิญอะไรดลใจก็ไม่รู้พี่เรากลับบ้านเร็วกว่าปกติ(ถ้าไปบ้านส.) ตอนนั้นแม่ก็เลยยิ่งเชื่อว่ายังไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น
"ถ้าเขารู้นะ เขาต้องเสียใจมากกกกกแน่เลย เราคงไม่ทำอีกแล้วล่ะ" เราได้ยินพี่คุยโทรศัพท์กับส. ก็แอบดีใจว่าเรื่องบ้าๆนี่กำลังจะจบแล้ว พี่คงรู้สึกว่ามันเฉียดฉิวเกินไป ต้องเลิกทำได้แล้ว แต่...
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เรายังต้องบอกคนขับรถรร.ว่าพี่ไม่ไปวันนี้เหมือนเดิม
เรายังต้องพูดปลอบยายเวลาพี่ไปเซเว่นหน้าปากซอย 5 ชม.เหมือนเดิม
เรายังต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเวลาเจอยาคุมที่พี่ซ่อนไว้ในตู้ยาเหมือนเดิม
เรายังต้องคอยดูลาดเลาให้พี่เวลากำลังจะปีนหน้าต่างออกไปนอนบ้านส.ตอนแม่ไปตจว.เหมือนเดิม
แต่สุดท้ายพี่เพิ่งจะมาเห็นด้วยกับแม่ว่า ส.เลวแค่ไหน ตอนส.ไปมีคนอื่น (ก่อนหน้านั้นแม่เคยจับได้ว่ายังแอบเจอกันและมีดราม่าตามมาซึ่งเราไม่อยากจะจำรายละเอียดเท่าไหร่)
หลังจากนั้น เรานึกว่าชีวิตพี่เราและของเราจะดีขึ้น เวลามีอะไรก็ไม่ต้องปิดบังแม่แล้ว
แต่พอพี่มีแฟนใหม่...พี่ก็ยังแอบไปนอนบ้านเขาตอนแม่ไปตจว.อยู่ดี ในตอนนั้นเราแอบคิดว่ายังดีที่มีแค่นี้ คงเพราะพี่โตขึ้นด้วยเลยไม่ทำอะไรไร้เหตุผลอีก
จนกระทั่งอยู่ปี 3 พี่ก็เลิกกับแฟนคนนี้เพราะเขานอกใจ (อีกแล้ว) ช่วงนั้นเราแทบไม่ได้เจอพี่ เพราะเวลาไม่ตรงกัน ในตอนเช้าเราออกจากบ้านก่อน ตอนดึกพี่ถึงบ้านก็จะอาบน้ำนอนเลย จริงๆแม่ก็แทบไม่ได้เจอพี่เหมือนกันเพราะทำงานหนัก และพี่ก็ไม่คุยอะไรกับแม่มาก
"พี่กลับมาคุยกับพี่ส.นะตอนนี้ แต่อย่าเพิ่งบอกแม่นะ"
"เลิกกันไปแล้ว จะกลับไปคบกันทำไม" นั่นคือสิ่งที่เราพูด แต่ใจจริงเราอยากจะพูดว่า
"ไอ้ here นี่อะนะ หนูเกลียดขี้หน้ามันกลับไปหามันทำไม"
"พี่ว่าพอกลับมาคุยกันตอนนี้ เขาดูโตขึ้นนะ มีเหตุผลมากกว่าก่อน พี่เคยลองใจงี่เง่าใส่เขานะ เขาก็จัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้นอะ"
"แหงล่ะ ก็ตอนนั้นเขาเป็นวัยรุ่นตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่"
"เห้ย แต่พี่ลองมาคิดๆดูแล้ว ภาพรวมเขาก็ดีนะ มีหน้าที่การงานมั่นคงเป็นผจก.บริษัท มีรถขับ(รถโหลดต่ำแต่งท่อเสียงกระหึ่มเนี่ยนะ!?) นิสัยก็ไม่แย่เหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย" พี่เราคงไม่รู้จักคำว่า "เฟค" สินะ
หลังจากนั้นก็จะมีช่วงที่เราเจอกับส.อีก ทุกครั้งที่เจอเราก็จะปั้นหน้ามึน ไม่ค่อยพูดทั้งที่ปกติเราเป็นคนพูดมาก ส.ก็สุภาพกับเรามากแล้วก็ไม่เถื่อนกับพี่เราเหมือนเมื่อก่อน แต่เราก็ไม่อยากปักใจเชื่อเท่าไหร่ ช่วงนั้นก็กลับไปเป็นเหมือนตอนเด็กๆเลย...เราต้องโกหกแม่ว่ากินข้าวกับพี่สองคนนะ พี่มารอที่เรียนพิเศษเพราะเลิกดึกแหละ(จริงๆเพิ่งดูหนังเสร็จเลยแวะมารับ) เราเคยลองถามแม่ว่าถ้าพี่กลับไปคบแฟนเก่าล่ะ แม่ก็พูดว่า "เขาโตแล้วอยากทำอะไรก็เรื่องของเขา"
แต่พอแม่รู้เรื่องเข้าจริงๆ แม่ก็ด่าส.เป็นชุดแล้วบอกว่า "จะไม่ให้บ้านเราไปดองกับบ้านมันเด็ดขาด" พี่ก็ทำเหมือนว่าแค่ดูๆกันอยู่ยังไม่ได้คบกันสักหน่อย ไม่คุยกันให้แม่เห็น ไปไหนก็ไม่ได้บอกว่าไปกับส. เราไม่รู้ว่าแม่รู้เรื่องพวกนี้มากแค่ไหน เพราะแม่เลิกดุแล้วเวลาขอนอนค้างกลับดึกหรืออะไรพวกนั้นถ้าเป็นเรื่องเรียน เราเชื่อนะว่ามีบางครั้งที่พี่ติวจริงๆแต่เชื่อแค่ 40% ไม่รู้ว่าแม่เชื่อจริงๆหรือแกล้งเชื่อ แต่ถ้าแม่แกล้งเชื่อเราก็ไม่ชอบเลยที่แม่ต้องยอมยืนเจ็บอยู่ห่างๆเพื่อให้ลูกมีความสุขกับสิ่งผิดๆ
.
.
.
.
.
ทีนี้....ช่วงพีคที่ผ่านมาไม่นานคือ ตอนแม่ไปตจว.พี่เราอัพเลเวลด้วยการเอาส.มานอนที่บ้านเลย!!! พอยายนอนแล้ว พี่ก็ให้ส.เข้าบ้านมา เราอ่านหนังสือสอบอยู่ก็อึกอักพูดไม่ออก แต่ก็คงต้องทำเหมือนเคย...ทำไม่รู้ไม่เห็น
แต่หลังจากนั้นพี่โทรมาหาเราตอนอยู่ที่รร.ว่าช่วยแก้ตัวให้หน่อยเรื่องเมื่อคืน มันกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
ยายเราเห็นรองเท้าผู้ชายตอนเช้า ก็สงสัยว่าของใคร พอพี่กำลังจะออกไปเรียนยายก็เห็นว่าเป็น ส.อยู่แว๊บๆ ยายไม่สบายใจก็เลยโทรหาน้าว่าพี่เอาผู้ชายมานอนที่บ้าน น้าก็เลยโทรมาต่อว่าแม่ ว่าทำไมไม่ดูลูกให้ดีๆ (น้าไม่ชอบวิธีเลี้ยงลูกของแม่มาตั้งแต่ส.ก่อเรื่องตอนป.6)
กลายเป็นว่าพี่ให้เราช่วยสนับสนุนว่ายายเพ้อไปเอง เพราะช่วงนั้นยายมีอาการหลงลืมเห็นโน่นเห็นนี่แปลกๆแบบคนแก่อยู่แล้ว เราต้องโทรไปบอกแม่ว่าเราก็ไม่เห็นใครสักหน่อย ยายเพ้อไปเองมากกว่า ตอนนั้นแม่ก็เชื่อพี่และมองว่ายายทำให้เรื่องเพ้อของตัวเองกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ตอนนั้นเรานั่งร้องไห้กับเพื่อนเป็นบ้าเป็นหลังไม่มีอารมณ์อ่านหนังสือสอบต่อแล้ว เรารักแม่เกินกว่าจะให้เขารู้ความจริงที่โหดร้าย แต่ก็รู้สึกว่ากำลังทำร้ายแม่ในเวลาเดียวกัน พี่โกหกแม่แถมแม่เชื่อคำโกหกนั้นและพาลโทษว่ายายผิด พี่ทำให้แม่บาปโดยไม่รู้ตัว ส่วนเรารู้เห็นทุกอย่าง แต่ก็ยังต้องทำบาปกับทุกคน
หลังๆมานี้ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว และดูเหมือนแม่จะไว้ใจพี่มาก พี่ไม่มีเวลามาคุยด้วยเท่าไหร่ก็ไม่ว่าอะไร บอกว่าพี่เขาเรียนหนักแล้วเขาไม่ได้เรียนทางนี้มาด้วย (พี่เราเรียนศิลป์คำนวณแต่สอบตรงเข้าคณะนี้ได้)
พี่ก็ดูจะได้ใจจากความไว้ใจของแม่ เมื่อก่อนต้องรอแม่ไปตจว.ถึงจะกล้าไปนอนที่อื่น แต่พอตอนนี้แม่อายุมากขึ้นไม่รับงานตจว. พี่ก็จะทำเป็นมานอนเล่นโทรศัพท์ในห้องแม่สักพักก็บอกว่าไปนอนแล้วนะ แล้วก็ออกมาจากห้องเปิดประตูบ้านไปเลย (สมัยก่อนยายจะตื่นเวลาได้ยินเสียงคนเปิดประตูเลยต้องแอบปีนหน้าต่าง แต่หลังๆยายหลับลึกขึ้นเปิดประตูออกไปได้สบายใจ) กลับมาอีกทีเช้าตรู่ไม่ก็ไปเรียนเลย
ยายก็ชอบมาถามเราว่าเมื่อเช้าพี่ไปกี่โมงเหรอ ทำไมไม่ค่อยเห็นเลยเดี๋ยวนี้ ทั้งที่ยายก็ตื่นตั้งแต่ตี 5 แม่ก็จะบอกยายว่าบางทียายสวดมนต์ เข้าห้องน้ำอะไรแบบนั้น ไม่งั้นพี่ก็บอกแล้วว่ากำลังจะไปแต่ยายลืมเอง...เรารู้เหตุผลทุกอย่างแต่เราพูดอะไรไม่ได้อีกแล้ว เราต้องทนเห็นแม่ตำหนิยายทั้งที่ยายไม่ได้ผิดอะไรอีกแล้ว
เราเคยคิดอยากพูดกับพี่นะว่าทำไมต้องทำแบบนี้ แต่ก็กลัวคำตอบที่จะได้ยิน...
เราอยากเตือนพี่ให้เลิกทำแบบนี้ ให้เห็นแก่แม่ แต่เราก็เป็นแค่น้อง...จะไปมีสิทธิ์สอนพี่ได้ยังไง
เราอยากให้เรื่องนี้มันจบลงโดยที่แม่ไม่ต้องรับรู้อะไร แต่ก็รู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้มาก
ตอนนี้แม่ป่วยเป็นเนื้องอกในมดลูก ต้องผ่าตัดเร็วๆนี้ ที่ผ่านมาแม่เครียดมากเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องที่ป่วยแล้วทำงานได้ไม่เต็มที่ เราอยู่กับแม่ตลอดพอเห็นเขาเครียดก็จะบอกให้เขาระบายมาเขาจะได้สบายใจ แต่พี่เราก็ยังทำตัวเหมือนเดิม ไปเรียนแต่เช้ากลับดึก มาคุยๆกับแม่นิดหน่อยแล้วก็ขอตัวไปนอน(บ้านอื่น) ในขณะที่เราพิมพ์อยู่นี่ พี่ก็ไม่ได้อยู่ในบ้านแล้ว...
เราพยายามเข้าใจนะ ว่าพี่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วจะทำอะไรก็ได้ แต่เราก็แอบสงสัยว่าพี่ไม่รักแม่เลยเหรอถึงได้ทำอะไรไม่แคร์ความรู้สึกแม่เลย ยังไงพี่ก็ยังใช้เงินของแม่นะน่าจะรู้สึกอะไรบ้างสิ
เขียนมาซะยาวก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อยากระบาย มันอัดอั้นมานานมาก แล้วเราก็อยากจะปรึกษาด้วยว่าควรจะทำยังไงดี เราอยากให้เรื่องนี้จบก่อนแม่จะผ่าตัดในเดือนมิ.ย.น่ะค่ะ หรือใครเคยเจอเหตุการณ์แนวๆนี้บ้างมั้ยคะ แล้วตอนนั้นทำยังไงบ้าง
ขอบคุณมากนะคะที่อ่านจนจบ
ทำไงดี พี่สาวอายุ 20 แต่เกเรเหมือนอายุ 15
จขกท.เพิ่งอายุ 17 นะคะ มีพี่สาวคนนึงอายุห่างกัน 5 ปี ปัจจุบันพี่สาวเรียนอยู่ปี4 เรียนทางสายวิทยาศาสตร์สุขภาพแถมยังหน้าตาสวยอีกด้วย เรื่องของเรื่องคือ พี่สาวเรากลับมาคบกับแฟนคนแรกที่เคยคบกันสมัยอยู่ป.6ถึงม.3 ขอแทนว่า ส. นะคะ (เราทนเรียกคนนี้ว่าพี่ไม่ได้จริงๆ) ตั้งแต่พี่สาวเรากลับมาคุยๆกับส. พี่ก็เริ่มกลับดึกบ่อยขึ้น ขอนอนค้างหอเพื่อนบ่อยขึ้นซึ่งเขาอ้างว่า อยู่ติวหนังสือหรือมีเรียน 8โมง(บ้านอยู่ไกลกับมหาลัยมากๆ) แม่ก็เข้าใจก็ไม่ได้ว่าอะไร
แต่สิ่งนึงที่เราว่ามันแปลกไปก็คือ...ถ้าวันไหนพี่กลับบ้าน พอดึกๆตอนแม่นอนแล้ว พี่จะมาบอกเราว่า "พี่ไม่กลับนะ" แล้วเดินออกจากบ้านปิดประตูใส่กลอนอย่างเดิม เรารู้ดีว่าพี่ไปไหน ไปกับใคร แต่เราไม่กล้าบอกแม่ ความรู้สึกสมัยเด็กกลับมาอีกครั้ง...
.
.
.
.
.
.
.
ตอนพี่อยู่ป.6 ส.มันพาพี่เราไปเล่นน้ำสงกรานต์แล้วหายตัวไปวันนึง เราไม่ค่อยรู้รายละเอียดเรื่องนี้เพราะตอนนั้นเด็กมากไม่มีใครยอมบอก แต่สิ่งหนึ่งที่รู้คือ ทางบ้านเราเกลียด ส.เข้าไส้ตั้งแต่นั้นมา หลังจากนั้นแม่ก็ให้พี่ไปอยู่กับน้าที่ตจว.เพื่อให้ห่างจากส. แต่ผ่านไปปีนึงน้าก็ต้องย้ายที่ทำงานไปจังหวัดอื่นทำให้ไม่สะดวกถ้าจะให้พี่ไปอยู่ด้วย พี่ก็เลยต้องกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม
ตอนนั้นเราอายุ 9 ขวบแล้วต้องไปเรียนพิเศษกับพี่ตอนปิดเทอม แม่ก็ไว้ใจให้ไปกันเอง แต่บ่อยครั้งที่พี่พามาที่บ้านส. พี่ก็อยู่ชั้นบนกับส.ทั้งวัน ให้เรานั่งดูทีวีกับน้องชายของส.ที่อายุไล่ๆกับเรา ที่จำได้คือเราเจอหน้าส.แทบทุกวัน บางวันส.ก็มารอที่เรียนพิเศษ บางวันพี่ก็ไปหาส.ถึงบ้าน บางวันก็ไปเดินห้างหรือดูหนังทั้งๆที่ที่เรียนพิเศษอยู่ใกล้กับห้างแค่500 เมตร ช่วงนั้นเราอึดอัดใจมากที่บอกอะไรแม่ไม่ได้เลย เด็กป.3ต้องหัดโกหกแม่ทุกๆวันแล้วเหรอ?
พอเปิดเทอม พี่เราก็มีวีรกรรมเยอะแยะ เช่น โดดเรียนไปบ้านส. อยู่ๆก็หายออกจากบ้านไป2-3ชม. พาเราออกไปซื้อของที่ตลาดแต่จริงๆไปบ้านส.
เรารู้เห็นทุกอย่างแต่ไม่กล้าบอกแม่ เรากลัวว่าถ้าแม่รู้แม่จะหัวใจสลาย เราเคยเห็นแม่ร้องไห้แล้วกราบพี่ ขอโทษถ้าเลี้ยงไม่ดีแล้วทำให้ไม่พอใจ เราไม่อยากเห็นภาพอะไรแบบนั้นอีก ก็ได้แต่ยอมโกหกต่อไป
วันนึง...เราเพิ่งกลับมาจากรร. แม่โทรเข้าบ้านขอสายพี่.....เราตกใจ ได้แต่ตอบแม่ไปว่าพี่อยู่ในห้องน้ำ แล้วที่โทรหาแล้วปิดเครื่องคงเพราะแมวกระโดดขึ้นไปบนลิ้นชักทำโทรศัพท์ตกจนแบตหลุด(เหตุการณ์นี้เกิดบ่อย เราเลยเอามาอ้าง) ทั้งที่จริงๆแล้ว..พี่ไม่ได้กลับรถรร.กับเรา ไม่ได้ไปรร.ด้วยซ้ำ
แต่บังเอิญอะไรดลใจก็ไม่รู้พี่เรากลับบ้านเร็วกว่าปกติ(ถ้าไปบ้านส.) ตอนนั้นแม่ก็เลยยิ่งเชื่อว่ายังไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น
"ถ้าเขารู้นะ เขาต้องเสียใจมากกกกกแน่เลย เราคงไม่ทำอีกแล้วล่ะ" เราได้ยินพี่คุยโทรศัพท์กับส. ก็แอบดีใจว่าเรื่องบ้าๆนี่กำลังจะจบแล้ว พี่คงรู้สึกว่ามันเฉียดฉิวเกินไป ต้องเลิกทำได้แล้ว แต่...
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เรายังต้องบอกคนขับรถรร.ว่าพี่ไม่ไปวันนี้เหมือนเดิม
เรายังต้องพูดปลอบยายเวลาพี่ไปเซเว่นหน้าปากซอย 5 ชม.เหมือนเดิม
เรายังต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเวลาเจอยาคุมที่พี่ซ่อนไว้ในตู้ยาเหมือนเดิม
เรายังต้องคอยดูลาดเลาให้พี่เวลากำลังจะปีนหน้าต่างออกไปนอนบ้านส.ตอนแม่ไปตจว.เหมือนเดิม
แต่สุดท้ายพี่เพิ่งจะมาเห็นด้วยกับแม่ว่า ส.เลวแค่ไหน ตอนส.ไปมีคนอื่น (ก่อนหน้านั้นแม่เคยจับได้ว่ายังแอบเจอกันและมีดราม่าตามมาซึ่งเราไม่อยากจะจำรายละเอียดเท่าไหร่)
หลังจากนั้น เรานึกว่าชีวิตพี่เราและของเราจะดีขึ้น เวลามีอะไรก็ไม่ต้องปิดบังแม่แล้ว
แต่พอพี่มีแฟนใหม่...พี่ก็ยังแอบไปนอนบ้านเขาตอนแม่ไปตจว.อยู่ดี ในตอนนั้นเราแอบคิดว่ายังดีที่มีแค่นี้ คงเพราะพี่โตขึ้นด้วยเลยไม่ทำอะไรไร้เหตุผลอีก
จนกระทั่งอยู่ปี 3 พี่ก็เลิกกับแฟนคนนี้เพราะเขานอกใจ (อีกแล้ว) ช่วงนั้นเราแทบไม่ได้เจอพี่ เพราะเวลาไม่ตรงกัน ในตอนเช้าเราออกจากบ้านก่อน ตอนดึกพี่ถึงบ้านก็จะอาบน้ำนอนเลย จริงๆแม่ก็แทบไม่ได้เจอพี่เหมือนกันเพราะทำงานหนัก และพี่ก็ไม่คุยอะไรกับแม่มาก
"พี่กลับมาคุยกับพี่ส.นะตอนนี้ แต่อย่าเพิ่งบอกแม่นะ"
"เลิกกันไปแล้ว จะกลับไปคบกันทำไม" นั่นคือสิ่งที่เราพูด แต่ใจจริงเราอยากจะพูดว่า "ไอ้ here นี่อะนะ หนูเกลียดขี้หน้ามันกลับไปหามันทำไม"
"พี่ว่าพอกลับมาคุยกันตอนนี้ เขาดูโตขึ้นนะ มีเหตุผลมากกว่าก่อน พี่เคยลองใจงี่เง่าใส่เขานะ เขาก็จัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้นอะ"
"แหงล่ะ ก็ตอนนั้นเขาเป็นวัยรุ่นตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่"
"เห้ย แต่พี่ลองมาคิดๆดูแล้ว ภาพรวมเขาก็ดีนะ มีหน้าที่การงานมั่นคงเป็นผจก.บริษัท มีรถขับ(รถโหลดต่ำแต่งท่อเสียงกระหึ่มเนี่ยนะ!?) นิสัยก็ไม่แย่เหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย" พี่เราคงไม่รู้จักคำว่า "เฟค" สินะ
หลังจากนั้นก็จะมีช่วงที่เราเจอกับส.อีก ทุกครั้งที่เจอเราก็จะปั้นหน้ามึน ไม่ค่อยพูดทั้งที่ปกติเราเป็นคนพูดมาก ส.ก็สุภาพกับเรามากแล้วก็ไม่เถื่อนกับพี่เราเหมือนเมื่อก่อน แต่เราก็ไม่อยากปักใจเชื่อเท่าไหร่ ช่วงนั้นก็กลับไปเป็นเหมือนตอนเด็กๆเลย...เราต้องโกหกแม่ว่ากินข้าวกับพี่สองคนนะ พี่มารอที่เรียนพิเศษเพราะเลิกดึกแหละ(จริงๆเพิ่งดูหนังเสร็จเลยแวะมารับ) เราเคยลองถามแม่ว่าถ้าพี่กลับไปคบแฟนเก่าล่ะ แม่ก็พูดว่า "เขาโตแล้วอยากทำอะไรก็เรื่องของเขา"
แต่พอแม่รู้เรื่องเข้าจริงๆ แม่ก็ด่าส.เป็นชุดแล้วบอกว่า "จะไม่ให้บ้านเราไปดองกับบ้านมันเด็ดขาด" พี่ก็ทำเหมือนว่าแค่ดูๆกันอยู่ยังไม่ได้คบกันสักหน่อย ไม่คุยกันให้แม่เห็น ไปไหนก็ไม่ได้บอกว่าไปกับส. เราไม่รู้ว่าแม่รู้เรื่องพวกนี้มากแค่ไหน เพราะแม่เลิกดุแล้วเวลาขอนอนค้างกลับดึกหรืออะไรพวกนั้นถ้าเป็นเรื่องเรียน เราเชื่อนะว่ามีบางครั้งที่พี่ติวจริงๆแต่เชื่อแค่ 40% ไม่รู้ว่าแม่เชื่อจริงๆหรือแกล้งเชื่อ แต่ถ้าแม่แกล้งเชื่อเราก็ไม่ชอบเลยที่แม่ต้องยอมยืนเจ็บอยู่ห่างๆเพื่อให้ลูกมีความสุขกับสิ่งผิดๆ
.
.
.
.
.
ทีนี้....ช่วงพีคที่ผ่านมาไม่นานคือ ตอนแม่ไปตจว.พี่เราอัพเลเวลด้วยการเอาส.มานอนที่บ้านเลย!!! พอยายนอนแล้ว พี่ก็ให้ส.เข้าบ้านมา เราอ่านหนังสือสอบอยู่ก็อึกอักพูดไม่ออก แต่ก็คงต้องทำเหมือนเคย...ทำไม่รู้ไม่เห็น
แต่หลังจากนั้นพี่โทรมาหาเราตอนอยู่ที่รร.ว่าช่วยแก้ตัวให้หน่อยเรื่องเมื่อคืน มันกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
ยายเราเห็นรองเท้าผู้ชายตอนเช้า ก็สงสัยว่าของใคร พอพี่กำลังจะออกไปเรียนยายก็เห็นว่าเป็น ส.อยู่แว๊บๆ ยายไม่สบายใจก็เลยโทรหาน้าว่าพี่เอาผู้ชายมานอนที่บ้าน น้าก็เลยโทรมาต่อว่าแม่ ว่าทำไมไม่ดูลูกให้ดีๆ (น้าไม่ชอบวิธีเลี้ยงลูกของแม่มาตั้งแต่ส.ก่อเรื่องตอนป.6)
กลายเป็นว่าพี่ให้เราช่วยสนับสนุนว่ายายเพ้อไปเอง เพราะช่วงนั้นยายมีอาการหลงลืมเห็นโน่นเห็นนี่แปลกๆแบบคนแก่อยู่แล้ว เราต้องโทรไปบอกแม่ว่าเราก็ไม่เห็นใครสักหน่อย ยายเพ้อไปเองมากกว่า ตอนนั้นแม่ก็เชื่อพี่และมองว่ายายทำให้เรื่องเพ้อของตัวเองกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ตอนนั้นเรานั่งร้องไห้กับเพื่อนเป็นบ้าเป็นหลังไม่มีอารมณ์อ่านหนังสือสอบต่อแล้ว เรารักแม่เกินกว่าจะให้เขารู้ความจริงที่โหดร้าย แต่ก็รู้สึกว่ากำลังทำร้ายแม่ในเวลาเดียวกัน พี่โกหกแม่แถมแม่เชื่อคำโกหกนั้นและพาลโทษว่ายายผิด พี่ทำให้แม่บาปโดยไม่รู้ตัว ส่วนเรารู้เห็นทุกอย่าง แต่ก็ยังต้องทำบาปกับทุกคน
หลังๆมานี้ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว และดูเหมือนแม่จะไว้ใจพี่มาก พี่ไม่มีเวลามาคุยด้วยเท่าไหร่ก็ไม่ว่าอะไร บอกว่าพี่เขาเรียนหนักแล้วเขาไม่ได้เรียนทางนี้มาด้วย (พี่เราเรียนศิลป์คำนวณแต่สอบตรงเข้าคณะนี้ได้)
พี่ก็ดูจะได้ใจจากความไว้ใจของแม่ เมื่อก่อนต้องรอแม่ไปตจว.ถึงจะกล้าไปนอนที่อื่น แต่พอตอนนี้แม่อายุมากขึ้นไม่รับงานตจว. พี่ก็จะทำเป็นมานอนเล่นโทรศัพท์ในห้องแม่สักพักก็บอกว่าไปนอนแล้วนะ แล้วก็ออกมาจากห้องเปิดประตูบ้านไปเลย (สมัยก่อนยายจะตื่นเวลาได้ยินเสียงคนเปิดประตูเลยต้องแอบปีนหน้าต่าง แต่หลังๆยายหลับลึกขึ้นเปิดประตูออกไปได้สบายใจ) กลับมาอีกทีเช้าตรู่ไม่ก็ไปเรียนเลย
ยายก็ชอบมาถามเราว่าเมื่อเช้าพี่ไปกี่โมงเหรอ ทำไมไม่ค่อยเห็นเลยเดี๋ยวนี้ ทั้งที่ยายก็ตื่นตั้งแต่ตี 5 แม่ก็จะบอกยายว่าบางทียายสวดมนต์ เข้าห้องน้ำอะไรแบบนั้น ไม่งั้นพี่ก็บอกแล้วว่ากำลังจะไปแต่ยายลืมเอง...เรารู้เหตุผลทุกอย่างแต่เราพูดอะไรไม่ได้อีกแล้ว เราต้องทนเห็นแม่ตำหนิยายทั้งที่ยายไม่ได้ผิดอะไรอีกแล้ว
เราเคยคิดอยากพูดกับพี่นะว่าทำไมต้องทำแบบนี้ แต่ก็กลัวคำตอบที่จะได้ยิน...
เราอยากเตือนพี่ให้เลิกทำแบบนี้ ให้เห็นแก่แม่ แต่เราก็เป็นแค่น้อง...จะไปมีสิทธิ์สอนพี่ได้ยังไง
เราอยากให้เรื่องนี้มันจบลงโดยที่แม่ไม่ต้องรับรู้อะไร แต่ก็รู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้มาก
ตอนนี้แม่ป่วยเป็นเนื้องอกในมดลูก ต้องผ่าตัดเร็วๆนี้ ที่ผ่านมาแม่เครียดมากเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องที่ป่วยแล้วทำงานได้ไม่เต็มที่ เราอยู่กับแม่ตลอดพอเห็นเขาเครียดก็จะบอกให้เขาระบายมาเขาจะได้สบายใจ แต่พี่เราก็ยังทำตัวเหมือนเดิม ไปเรียนแต่เช้ากลับดึก มาคุยๆกับแม่นิดหน่อยแล้วก็ขอตัวไปนอน(บ้านอื่น) ในขณะที่เราพิมพ์อยู่นี่ พี่ก็ไม่ได้อยู่ในบ้านแล้ว...
เราพยายามเข้าใจนะ ว่าพี่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วจะทำอะไรก็ได้ แต่เราก็แอบสงสัยว่าพี่ไม่รักแม่เลยเหรอถึงได้ทำอะไรไม่แคร์ความรู้สึกแม่เลย ยังไงพี่ก็ยังใช้เงินของแม่นะน่าจะรู้สึกอะไรบ้างสิ
เขียนมาซะยาวก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อยากระบาย มันอัดอั้นมานานมาก แล้วเราก็อยากจะปรึกษาด้วยว่าควรจะทำยังไงดี เราอยากให้เรื่องนี้จบก่อนแม่จะผ่าตัดในเดือนมิ.ย.น่ะค่ะ หรือใครเคยเจอเหตุการณ์แนวๆนี้บ้างมั้ยคะ แล้วตอนนั้นทำยังไงบ้าง
ขอบคุณมากนะคะที่อ่านจนจบ